ติดอันดับ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนดำเนินการแผ่อิทธิพลในสิงคโปร์

การวิจัยใหม่เผยว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังใช้สงครามทางการเมืองกับทั่วโลกเพื่อรักษาเป้าหมายของตน โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ถือเป็นกรณีศึกษาที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้เครื่องมือทั้งแบบเปิดเผยและซ่อนเร้นในการดำเนินการดังกล่าวอย่างไร

พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้องค์กรทางวัฒนธรรม กลุ่มสายตระกูลต่าง ๆ สมาคมธุรกิจ โครงการเยาวชน และอีกมากมาย เพื่อมีส่วนร่วมในการแผ่อิทธิพล ตามที่นายรัสเซล เซียว ผู้อำนวยการบริหารแห่งสถาบันไต้หวันระดับโลกกล่าว

“การดำเนินการด้านโฆษณาชวนเชื่อและการแผ่อิทธิพลของจีนในสิงคโปร์ มีจุดประสงค์เพื่อยัดเยียดอัตลักษณ์ความเป็นจีนแก่สิงคโปร์” เพื่อให้สิงคโปร์เป็นหนึ่งเดียวกับจีนในด้านผลประโยชน์ นายเซียวเขียนรายงานเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ในหัวข้อ “การสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับการแผ่อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสิงคโปร์” ให้กับมูลนิธิเจมส์ทาวน์ ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์และวิจัยที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

“นโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ว่าด้วยการทำให้เส้นแบ่งระหว่าง “ชาวจีน” กับ “ชาวจีนโพ้นทะเล” พร่าเลือน ทำให้การโฆษณาชวนเชื่อยิ่งเข้มข้นขึ้น อีกทั้งกฎระเบียบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนโพ้นทะเลล้วนสร้างความกังวลมากขึ้นในสิงคโปร์” นายเซียวเขียนในรายงานดังกล่าว

“รัฐบาลสิงคโปร์มองเรื่องอัตลักษณ์เป็นปัญหาที่มีอยู่ และอาจต่อต้านความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่นี้” นายเซียวสรุป

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติและหลากวัฒนธรรม แม้ว่าร้อยละ 76.2 จากประชากรทั้งหมด 5.8 ล้านคนในสิงคโปร์จะมีเชื้อชาติจีนก็ตาม นายเซียวกล่าวในรายงานของตน

หลังจากสื่อสิงคโปร์ เช่น หนังสือพิมพ์ เดอะสเตรตส์ไทมส์เผยแพร่เนื้อหาจากรายงานของนายเซียว สถานทูตจีนในสิงคโปร์ก็ได้ตอบโต้เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ว่าข้อกล่าวหาในรายงานดังกล่าว “ไร้เหตุผลและบิดเบือนจากความเป็นจริง” จากรายงานในเว็บไซต์แชนแนลนิวส์เอเชีย

อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนรายงานของนายเซียว ว่าจีนมีส่วนร่วมในการแผ่อิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญในสิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรมงานแนวร่วมซึ่งเป็นกลุ่มตัวแทน มีการเคลื่อนไหวในสิงคโปร์ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามที่ ดร. เอมี อี. ซีไรท์ ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการอาวุโสโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษาให้การยืนยันต่อหน้าคณะกรรมการทบทวนเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ และจีนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2561

กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยสภาจีนเพื่อการส่งเสริมการรวมชาติอย่างสันติ ซึ่งสนับสนุนการยอมรับไต้หวัน สมาคมประชาชนจีนเพื่อมิตรภาพกับต่างประเทศ ซึ่งทำงานสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับประเทศอื่น ๆ เพื่อให้มองจีนในแง่ดีขึ้น และสมาคมมิตรภาพต่างประเทศของจีน ดร. ซีไรท์กล่าว

นอกจากนี้ พรรคจี้กงของจีนยังมีส่วนโน้มน้าวทัศนคติของคนในประเทศที่มีต่อจีนและประเด็นอื่น ๆ ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดร. ซีไรท์กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคจี้กงเป็นพรรคที่มีกรมงานแนวร่วมชี้นำ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การติดต่อสื่อสารกับบุคคลและชุมชนที่เป็นชาวจีนโพ้นทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางคณะกรรมการมิตรภาพต่างประเทศ

แม้ว่าหลาย ๆ รัฐบาลจะใช้การแผ่อิทธิพล แต่ในรายงานดังกล่าวนายเซียวระบุว่าจีนใช้ “ยุทธวิธีแนวร่วม” ที่มี “แนวทางแบบองค์รวม” ในการปฏิบัติการ ทำให้แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ

“สมาคมธุรกิจในสิงคโปร์ทำหน้าที่เป็นกลุ่มวิ่งเต้นเพื่อผลประโยชน์ของจีนที่มีประสิทธิภาพที่สุด” นายเซียวกล่าว พรรคคอมมิวนิสต์จีนควบคุมนักธุรกิจชาวสิงคโปร์โดยทำให้นักธุรกิจเหล่านั้นทำสัญญา ขอใบอนุญาต หนังสืออนุญาต และเงินกู้ในจีนได้ยากกว่า โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งชาวสิงคโปร์ลงทุนในจีนเป็นจำนวนมาก นายเซียวอธิบาย

ในคำให้การของ ดร. ซีไรท์ แห่งศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา ได้อ้างถึงตัวอย่างที่เปิดเผยของแนวทางแบบองค์รวม ในการบีบบังคับของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลังจากสิงคโปร์ดำเนินการฝึกซ้อมร่วมกับไต้หวันเมื่อ พ.ศ. 2559 เจ้าหน้าที่ศุลกากรจีนในฮ่องกงได้ยึดเรือบรรทุกทหารหุ้มเกราะของกองทัพสิงคโปร์จำนวน 9 ลำที่ใช้ในการฝึกซ้อม ขณะเดินทางผ่านเรือบรรทุกสินค้าไปยังสิงคโปร์ ไม่นานหลังจากการยึดเรือดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้สิงคโปร์ “ปฏิบัติตามหลักการจีนหนึ่งเดียวอย่างเคร่งครัด” และงด “การติดต่ออย่างเป็นทางการใด ๆ กับไต้หวัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางทหาร” (ภาพ: หนึ่งในเรือหุ้มเกราะ 9 ลำของกองทัพสิงคโปร์ที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรจีนยึดในฮ่องกงเมื่อ พ.ศ. 2559 และกักไว้ที่ท่าเรือเมื่อต้น พ.ศ. 2560 ก่อนที่จะคืนให้)

ในขณะนั้น หน่วยงานข่าวที่ดำเนินการโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนชื่อว่า เดอะโกลบอลไทมส์เรียกสิงคโปร์ว่า “ประเทศขนาดเล็ก” ที่ “เคยรู้ขอบเขต” และเตือนว่าหากสิงคโปร์ใช้แนวทางที่ “สมดุล” มากขึ้น รัฐบาลจีนจะปรับนโยบายให้ “ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งกับเศรษฐกิจของสิงคโปร์”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button