ติดอันดับ

ผู้นำฟิจิช่วยให้ประเทศหมู่เกาะรับมือกับภัยพิบัติได้มากขึ้นผ่านการให้ความรู้

เมื่อพายุไซโคลนวินสตันพัดถล่มเกาะฟิจิในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 พายุได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบคน ทำให้คนหลายหมื่นคนไม่มีบ้าน และทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญไปเป็นจำนวนมาก

นายไอยาซ ไซเอ็ด-ไคยัม อัยการสูงสุดของฟิจิกล่าวกับรัฐสภาของฟิจิในอีกสามปีให้หลังเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งสะท้อนถึงความรุนแรงของพายุไซโคลนวินสตัน รวมถึงความจำเป็นในการดำเนินการ ขณะที่ฟิจิเผชิญกับภัยพิบัติรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น

“นั่นเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงซึ่งไม่ใช่ความผิดของเรา และเป็นเหตุผลที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างมาก” นายไซเอ็ด-ไคยัมกล่าว

เหล่าผู้นำของฟิจิได้กำหนดให้การปรับปรุงประเทศเพื่อการรับมือกับภัยพิบัติได้ดียิ่งขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยมองว่าการให้ความรู้กับผู้เชี่ยวชาญของฟิจิในการจัดการโครงการการรับมือกับภัยพิบัติเป็นขั้นตอนสำคัญตามทิศทางนี้ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล มหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กำลังประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายการให้ความรู้ดังกล่าว โดยมีหลายหลักสูตรที่เปิดสอนใน พ.ศ. 2561 และ พ.ศ. 2562

ทางองค์กรรายงานว่าเงินทุนสำหรับหลักสูตรนี้ได้มาจากโครงการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการตั้งรับใน 12 ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เมื่อเผชิญกับภัยธรรมชาติรวมถึงเหตุการณ์ทางสภาพภูมิอากาศ

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในฟิจิได้ประกาศเกี่ยวกับหลักสูตรระยะเวลา 5 เดือนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อ “ช่วยเหลือเหล่าผู้นำในการเสริมสร้างทักษะด้านการบริหาร เพื่อออกแบบและดำเนินการในโครงการการรับมือกับภัยพิบัติ” เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562 โดยเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยแปซิฟิกใต้และโครงการเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ สถานเอกอัครราชทูตกล่าวเสริมว่าชาวฟิจิ 65 คนซึ่งได้รับการว่าจ้างจากกระทรวงต่าง ๆ ของรัฐและหน่วยงานสาธารณูปโภค รวมทั้งบริษัทวิศวกรรมในท้องถิ่นและองค์การนอกภาครัฐกำลังเข้ารับการฝึกอบรม การเรียนการสอนและกิจกรรมทั้งสี่หน่วยจะแบ่งเป็นการเรียนภายในห้องเรียนและการเรียนทางออนไลน์

การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการระยะสั้นเรื่องการบริหารโครงการซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการเตรียมความพร้อม และยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติในท้องถิ่น ได้ถูกจัดขึ้นเมื่อเดือนก่อนหน้านี้โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงข้าราชการพลเรือน

นางซูซาน กิรัน ปลัดกระทรวงข้าราชการพลเรือนของฟิจิ (ในภาพ ขณะกำลังปราศรัยที่งานเปิดตัว) ได้กล่าวชื่นชม “การฝึกอบรมด้านการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวตามสภาพภูมิอากาศระยะเวลา 5 วันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักวิชาการ ผู้นำองค์การนอกภาครัฐ และธนาคารพัฒนาเอกชน

“รัฐบาลฟิจิมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะที่หลากหลายในหมู่ข้าราชการ เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับโครงการและลำดับความสำคัญใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว” นางกิรันกล่าว “การสร้างขีดความสามารถผ่านการเรียนรู้และการพัฒนาในหมู่ข้าราชการพลเรือน เป็นบทบาทสำคัญของกระทรวงข้าราชการพลเรือน การฝึกอบรมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับข้อเสนอโครงการนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความร่วมมือที่สำคัญดังกล่าว”

นอกเหนือจากหลักสูตรโครงการเตรียมความพร้อมแล้ว องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ให้ทุนสนับสนุนหลักสูตรการจัดการโครงการในฟิจิ ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันในประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิกเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งได้มอบให้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พ.ศ. 2561 หลักสูตรระยะเวลา 4 เดือนที่เข้มข้นนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วม 30 คนสามารถจัดการโครงการที่หลากหลายในด้านต่าง ๆ เช่น ป่าไม้ การศึกษา สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ภูมิอากาศ และการอพยพ

เมื่อพายุไต้ฝุ่นวินสตันพัดเข้าฟิจิ สำนักงานช่วยเหลือด้านภัยพิบัติจากต่างประเทศ ขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรในสภากาชาดและองค์การสหประชาชาติ เพื่อประเมินความเสียหายจากพายุและประสานงานการช่วยเหลือ สำนักงานความช่วยเหลือจากภัยพิบัติต่างประเทศได้มอบเงินสดสมทบที่มีมูลค่าในขณะนั้นประมาณ 18 ล้านบาท (600,000 เหรียญสหรัฐฯ) ตามรายงานขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ

นายไมเคิล โกลด์แมน อุปทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตอธิบายว่า หลักสูตรการจัดการโครงการใหม่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เหล่าผู้นำของฟิจิสามารถดำเนินงานได้อย่างมีอิสระมากยิ่งขึ้น “เพื่อเข้าถึงและจัดการกองทุนการปรับตัวระหว่างประเทศ” โดยการเสริมสร้างความร่วมมือ การสร้างแนวคิดใหม่ เครื่องมือที่ใช้งานได้จริง และการจัดหาวิธีการจัดการโครงการ

“ความหวังของเราคือ ในอนาคตด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาล ภาคเอกชนในท้องถิ่นและภาคประชาสังคมจะสามารถเป็นผู้นำในการจัดการด้านการลงทุนในปัจจุบันและในอนาคตได้ เพื่อช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกันในการมีอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้นสำหรับประชาชนในฟิจิ” นายโกลด์แมนกล่าว

นายทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button