ติดอันดับ

จีนตอบสนองต่อการระบาดของไวรัสร้ายแรงได้ไม่เพียงพอ การปิดกั้นข้อมูลกลายเป็นเรื่องน่าวิตก นักวิจารณ์กล่าว

การระบาดล่าสุดของเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดร้ายแรงที่เกิดขึ้นในประเทศจีนซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลกเผยให้เห็นว่า จีนไม่ได้ปรับปรุงแนวทางการจัดการด้านสาธารณสุขอย่างเพียงพอ นับตั้งแต่โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงหรือโรคซาร์ส ที่ระบาดหนักเมื่อ 17 ปีที่แล้ว โดยนักวิจารณ์ยืนยันว่าเกิดจากไวรัสชนิดเดียวกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายคนสงสัยว่า จำนวนจริงของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังสงสัยกันอยู่อาจสูงกว่าที่จีนเปิดเผยอย่างมาก แม้ว่าจีนจะมีความพร้อมมากกว่าในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคซาร์สซึ่งมีผู้เสียชีวิต 650 รายในจีนและฮ่องกงเมื่อ พ.ศ. 2545 – 2546 ซึ่งจีนพยายามปกปิดอย่างหนัก

นอกจากนี้ นักวิจารณ์ยังกล่าวหาว่าจีนไม่ได้ออกมาตรการป้องกันและจำกัดการเดินทางเร็วพอที่จะป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีนและออกนอกพรมแดน

“ผมคิดว่าโรคซาร์สจะผลักดันให้จีนทบทวนรูปแบบการกำกับดูแลใหม่” นายสวี่ จือเยวี่ยน พิธีกรรายการทอล์คโชว์ของจีนเขียนในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ “แต่ผมมองในแง่ดีเกินไป”

จีนได้เซ็นเซอร์คำวิจารณ์เกี่ยวกับการตอบสนองต่อไวรัสโคโรนาที่เพิ่งอุบัติใหม่ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและติดเชื้อหลายร้อยคนภายในปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ตามตัวเลขที่รัฐบาลจีนเผยแพร่ โดยไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายโดยการสัมผัสระหว่างมนุษย์ ทำให้มีผู้คนติดเชื้อในฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนามเรียบร้อยแล้ว (ภาพ: นักท่องเที่ยวที่โดยสารเครื่องบิน ซึ่งบางคนสวมหน้ากาก เดินทางมาถึงสนามบินอิวาโล ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563) นักท่องเที่ยวสองคน (ไม่ใช่ในภาพ) ที่เดินทางจากอู่ฮั่นไปฟินแลนด์ ขอรับการดูแลจากศูนย์สุขภาพที่อิวาโลเพื่อตรวจหาการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

โดยไวรัสชนิดนี้ทำให้มีไข้ ไอ หายใจถี่ และภาวะปอดบวมชนิดที่ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีรักษา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังไม่ทราบอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากเชื้อไวรัส แต่ในปัจจุบันมีอัตราที่ต่ำกว่าโรคซาร์ส ซึ่งทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น

นักวิทยาศาสตร์ในลอนดอนได้คำนวณว่า จำนวนผู้ป่วยที่แท้จริงในอู่ฮั่นจนถึงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563 อาจสูงถึง 4,000 คนหรือประมาณ 10 เท่าของจำนวนที่ทางการจีนเปิดเผยต่อสาธารณชน ตามรายงานที่ตีพิมพ์โดยนักวิจัยของศูนย์เอ็มอาร์ซีเพื่อการวิเคราะห์โรคติดเชื้อทั่วโลกแห่งอิมพีเรียลคอลเลจ

เพื่อตอบโต้ต่อเสียงสะท้อนด้านการปฏิบัติด้านสาธารณสุข จีนได้คุมตัวคนที่เผยแพร่สิ่งที่พิจารณาว่าเป็น “ข่าวลือ” เกี่ยวกับการระบาดของโรค ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์ นอกจากนี้ จีนยังได้ระงับข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดดังกล่าวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น รายงานการแพร่ระบาดครั้งแรกไปยังเมืองต่าง ๆ ของจีนที่อยู่นอกอู่ฮั่น และจำนวนผู้เสียชีวิตหลายรายในเมืองดังกล่าว

นักวิจารณ์กล่าวหาว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2546 จีนได้ปิดปากทุกคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนในช่วงที่โรคซาร์สเป็นวิกฤติสุขภาพ รวมถึงได้ใช้อำนาจควบคุมวาทกรรมในอินเทอร์เน็ตและจากสื่อ ผู้สนับสนุน รวมทั้งพลเมืองครั้งใหญ่

“ระบบดังกล่าวประสบความสำเร็จในการทำลายความซื่อสัตย์ของประชาชน ความน่าเชื่อถือของสถาบัน และความสามารถในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองในสังคม” นายสวี่เขียนในสื่อสังคมออนไลน์ ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์ “สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงอำนาจอหังการ์ กลุ่มข้อมูลที่ยุ่งเหยิง รวมถึงกลุ่มคนที่เปราะบาง โดดเดี่ยว และโกรธเคืองมากมาย”

“ทางการกำลังส่งสัญญาณซึ่งบอกว่ามีเพียงหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับโรคระบาดนี้ได้” นายยวี ผิง อดีตผู้สื่อข่าวของเซาท์เทิร์นเมโทรโพลิสเดลี่เขียนในบล็อกส่วนตัว ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์ “นี่ไม่ใช่การเปิดเผยต่อสาธารณะ” นายหยู่เขียน “แต่เป็นการผูกขาดการเปิดเผยข้อมูล”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button