ติดอันดับ

ความตึงเครียดระหว่างเวียดนามกับจีนปะทุขึ้นบริเวณสันดอนแวนการ์ดของทะเลจีนใต้

ความตึงเครียดระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึ้นอีกครั้งในน่านน้ำของทะเลจีนใต้ที่มีการแก่งแย่งกัน

โดยเวียดนามกล่าวหาว่าเรือจีนละเมิดสิทธิทางอธิปไตยและเขตอำนาจศาล สืบเนื่องจากการแล่นเรือเข้ามาและทำการสำรวจน่านน้ำรอบสันดอนแวนการ์ด ซึ่งเป็นแนวประการังทางตะวันตกสุดในหมู่เกาะสแปรตลี

“เวียดนามแสดงความกังวลหลายครั้งเกี่ยวกับการพัฒนาต่าง ๆ ที่ยากจะเข้าใจในทะเลจีนใต้ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งอุบัติเหตุร้ายแรงซึ่งล่วงล้ำอธิปไตยของเวียดนาม” นายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รัฐมนตรีว่าการการทรวงการต่างประเทศเวียดนาม กล่าวระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เดลี เอ็กซ์เพรส“ประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการยับยั้งและงดกระทำการฝ่ายเดียว ซึ่งอาจสร้างความซับซ้อนหรือยกระดับความตึงเครียดทางทะเล และหาทางระงับข้อพิพาทต่าง ๆ ด้วยสันติวิธี”

ผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ กล่าวว่าความคิดเห็นของนายมิงห์เป็นการส่งสารถึงเจ้าหน้าที่จีนโดยตรง แม้นายมิงห์ไม่ได้เจาะจงเอ่ยชื่อจีน

จีนได้พัฒนาแท่นสำรวจชายฝั่งในสันดอนแวนการ์ด ตามเส้นทางทะเลที่เวียดนามอ้างสิทธิ์ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล แท่นดังกล่าวออกแบบมาเพื่อขุดเจาะแหล่งน้ำมันลึกลงไปถึง 9,000 เมตร ตามการรายงานของสำนักข่างวอยซ์ ออฟ อเมริกา

ความตึงเครียดยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เรือสำรวจทางธรณีวิทยาของจีน ไห่หยาง ตี้จื้อ-8 พร้อมกับเรือคุ้มกันจำนวนหนึ่ง แล่นเข้าไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษของเวียดนาม โดยมีเรือจีนอีก 20 ลำตามมาสมทบในสัปดาห์ต่อมา ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ดิอีโคโนมิค ไทมส์(ภาพ: แท่นขุดเจาะน้ำมันของจีนตั้งอยู่นอกชายฝั่งเวียดนามบริเวณน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้)

ในขณะเดียวกัน เวียดนามมีการใช้งานแท่นสำรวจพลังงานใต้ทะเลใกล้กับสันดอนแวนการ์ดอยู่แล้ว ซึ่งใช้แพลตฟอร์มการวิจัยที่จัดหามาจากญี่ปุ่นสำหรับการสำรวจร่วมกับรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าเวียดนามเต็มใจสำรวจพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแห่งนี้กับประเทศใดก็ตามที่ไม่ใช่จีน โดยเฉพาะกับต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้จีนเกิดท่าทีก้าวร้าวในบริเวณสันดอนแวนการ์ด

“ตลอดสองปีที่ผ่านมา จีนสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อเวียดนามเพื่อกันไม่ให้มีการขุดเจาะไฮโดรคาร์บอนในพื้นที่ที่เวียดนามพิจารณาว่าเป็นไหล่ทวีปภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล แต่จีนถือว่าเป็นพื้นที่พิพาท” นายเดเร็ค กรอสแมน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านกลาโหมแห่งแรนด์ คอร์เปอเรชันเขียน โดนระบุว่าเมื่อ พ.ศ. 2561 จีนบีบเวียดนามให้ยกเลิกการเจรจามูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 พันล้านบาท) กับบริษัทพลังงานของสเปน ในการสำรวจพื้นใต้ทะเลนอกชายฝั่งทางใต้ของเวียดนาม

นายกรอสแมนระบุต่ออีกว่า “นอกจากนี้ เรือที่เชื่อว่าเป็นเรือประมงติดอาวุธของจีนก็พุ่งชนเรือประมงเวียดนามอยู่เนื่อง ๆ แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วรัฐบาลเวียดนามพยายามไม่ให้เรื่องดังกล่าวตกเป็นข่าว เพื่อรักษาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีให้สงบเรียบร้อย”

นายกรอสแมนคาดการณ์ว่าจีนจะหาโอกาสทดสอบความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นของตนเองอย่างต่อเนื่อง เช่น การขุดเจาะน้ำมัน โดยสันดอนแวนการ์ดถือเป็นโอกาสครั้งล่าสุด

ความพยายามของจีนในการข่มขู่และบีบบังคับประเทศต่าง ๆ เช่น เวียดนาม ให้วางมือจากทะเลจีนใต้ ทำให้หลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา หันมาสนใจยุทธวิธีรุกรานและกลั่นแกล้งของจีน

“ความพยายามครั้งล่าสุดของจีนในการก่อเรื่องให้ลุกลาม โดยข่มขู่ประเทศอื่นว่าต้องวางมือจากการขุดค้นทรัพยากรในทะเลจีนใต้นั้น เป็นสิ่งที่น่าวิตก” นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในขณะนั้น เขียนในทวิตเตอร์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 “สหรัฐอเมริกาจะยืนหยัดร่วมกับผู้ที่ต่อต้านพฤติกรรมบีบบังคับและยุทธวิธีการกลั่นแกล้ง ซึ่งคุกคามสันติภาพและความมั่นคงในระดับภูมิภาค”

นายอลัน ชอง รองศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยนานาชาติศึกษา เอส. ราชารัตนัมในสิงคโปร์ คาดว่าเวียดนามจะยังคงยืนหยัดตอบโต้ต่อไป เนื่องจากไม่มีทีท่าว่าจีนจะแก้ไขข้อพิพาทนี้อย่างสันติ หรือหยุดยั้งการบุกรุกเข้ามาในดินแดนเวียดนาม

“ทั้งสองประเทศจะต้องมีการโต้ตอบบางอย่างต่อกันแน่นอน เนื่องจากทะเลจีนใต้ไม่ได้เป็นพื้นที่ที่สงบร่มเย็น” นายชองกล่าวถึงเวียดนาม ตามรายงานของสำนักข่าว วอยซ์ ออฟ อเมริกา “เรื่องอาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button