ผู้เขียนบทความ

อินโดแปซิฟิก ดีเฟนส์ ฟอรัม ยินดีรับเนื้อหาจากผู้ร่วมสนับสนุน

กรุณาส่งบทความฉบับเต็มมาเพื่อการพิจารณาที่: ipdf@ipdefenseforum.com

เรายินดีที่จะตรวจสอบคำถามต่าง ๆ สำหรับบทความที่อาจนำไปเผยแพร่ กรุณารวมเนื้อหาสรุปโดยย่อ ชื่อ และอีเมลของคุณมาพร้อมกับเนื้อหาที่ส่งมาด้วย

IPDefenseForum.com มอบช่องทางให้กับกองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกในการให้ข้อมูลกับสมาชิกอาวุโสของกองทัพต่างประเทศ เจ้าหน้าที่กลาโหม และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ในภาษาของประเทศหุ้นส่วนหลายภาษาและในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อกังวลร่วมกันและส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค

IPDefenseForum.com ยังทำหน้าที่เสมือนสถานที่สำหรับผู้ร่วมสนับสนุนในการแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นด้านกองทัพและความมั่นคงในอินโดแปซิฟิก ความคิดเห็นเหล่านี้ไม่ได้แสดงถึงนโยบายหรือมุมมองของกองบัญชาการนี้หรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่อย่างใด

ข้อเสนอแนะ

หากต้องการติดต่อกองบรรณาธิการของ IPDefenseForum.com กรุณาใช้แถบ “เกี่ยวกับเรา” (https://ipdefenseforum.com/about-us/)

การแก้ไข

ในการแก้ไขข้อผิดพลาดใด ๆ กรุณาส่งคำร้องสำหรับการแก้ไขผ่านทางลิงก์ “เกี่ยวกับเรา” เราจะพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดในเนื้อหาที่เผยแพร่ในรูปแบบดิจิทัลหรือสิ่งพิมพ์โดยทันที


การปกป้องท้องทะเล ชุดที่ 50 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568

ดร. อังเดร สไตรดารอน ที่ 3 เจ้าหน้าที่และนักบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ ผู้เกษียณอายุราชการ เป็นผู้จัดการโครงการขีดความสามารถในการฝึกอบรมและการทดลองหลายขอบเขตในแปซิฟิกของกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ดร. สไตรดารอนบูรณาการการฝึกอบรมและการทดลองร่วม ผสมผสานทุกเหล่าทัพ และครอบคลุมทุกขอบเขตในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก อีกทั้งยังได้รับปริญญาเอกด้านการเป็นผู้นำและการเปลี่ยนแปลงองค์กรจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียใน พ.ศ. 2562 และได้รับรางวัลพลเรือนแห่งปีของผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกใน พ.ศ. 2563 อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 28


ร.อ. โนเอล บาร์ตลีย์ เป็นนักยุทธศาสตร์ของกองทัพบกสหรัฐฯ และได้รับปริญญาโทด้านกิจการสาธารณะจากมหาวิทยาลัยบราวน์ เคยเป็นทหารสื่อสาร อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในระดับกองพัน และเคยเป็นนายทหารผู้ช่วยของผู้บัญชาการโรงเรียนทหารสื่อสารกองทัพบกสหรัฐฯ


น.ท. แดเนียล อาร์. โพสต์ เป็นอาจารย์ในภาควิชายุทธศาสตร์และนโยบายและเป็นผู้ร่วมดำเนินการสอนหลักสูตรมุมมองต่อสงครามสมัยใหม่ที่วิทยาลัยยุทธนาวีสหรัฐฯ เคยเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ และดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการโจมตีทางนิวเคลียร์ให้กับกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 38


สเปนเซอร์ ปีเตอร์สัน เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ และทหารกองหนุนของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งประจำการอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการร่วมด้านข่าวกรองของกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก นายปีเตอร์สันได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2554 และดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ จนกระทั่งเข้าร่วมสำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2563 อีกทั้งยังมีประสบการณ์มากมายในการสนับสนุนการวางแผนและการปฏิบัติการร่วมและผสมผสานทางทหาร รวมถึงความร่วมมือกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 46


ดร. เซบาสเตียน เควานี เข้าร่วมกับศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค.
อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงในรัฐฮาวายเมื่อ พ.ศ. 2564 ดร. เควานีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการทูต นโยบายต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง และการสาธารณสุขระดับโลก ดร.
เควานีมีประสบการณ์ในด้านการติดตามและประเมินผล การวิเคราะห์ความคุ้มทุน การทูต ความมั่นคงแห่งชาติและระหว่างประเทศ การแก้ปัญหาความขัดแย้ง และการใช้การมีส่วนร่วมด้านสุขภาพทั่วโลกในเพื่อป้องกันหรือแก้ไขข้อขัดแย้ง อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 54


พ.อ. เบน แมกเลนนัน เข้าร่วมทหารกองหนุนของกองทัพบกออสเตรเลียใน พ.ศ. 2537 และได้เข้าประจำการใน พ.ศ. 2542 พ.อ. แมกเลนนันดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 3 (กองกําลังหุ้มเกราะสะเทินน้ำสะเทินบก) และเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบ กองร้อย กองพันที่ 1 แห่งกองพลน้อยกองทัพออสเตรเลีย และศูนย์ฝึกอบรมการรบ พ.อ. แมกเลนนันได้รับคำสั่งให้ประจำการที่อัฟกานิสถาน ฟิลิปปินส์ และติมอร์-เลสเต รวมถึงมีส่วนร่วมกับภารกิจในฝรั่งเศส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา พ.อ. แมกเลนนันสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาวิชาการทหาร และดำรงตำแหน่งรองหัวหน้ากองพลทหารราบแห่งกองทัพออสเตรเลีย อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 56


ดงกึน ลี เป็นทหารกองหนุนในกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลีและเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่ศูนย์ยุทธศาสตร์และกลาโหมศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพเรือและเคยดํารงตําแหน่งการทูตทางทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่ประสานงานทางการทูตของกองบัญชาการกองทัพเรือเกาหลีใต้ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 62


ชัยชนะ ชุดที่ 50 ฉบับที่ 1 / 2568

พล.ท. อินบอม ชุน ทหารผู้เกษียณอายุราชการแล้วของกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาให้แก่สำนักงานวิจัยเอเชียแห่งชาติ มูลนิธิเกาหลี สมาคมกองทัพบกสหรัฐฯ และสถาบันนโยบาย
ความมั่นคงและการพัฒนาในสวีเดน พล.ท. ชุน เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสหรัฐฯ ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ และปฏิบัติหน้าที่ในทุกระดับบัญชาการ รวมถึงหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษของกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 38


พล. จ. โอนิซิโวโร โควูนิซากา เข้าร่วมกองทัพฟิจิในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2527 และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยใน พ.ศ. 2534 พล.จ. โควูนิซากาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของกองทัพฟิจิ และเสนาธิการกองพันกองกำลังประจำเขตแดน โดยตำแหน่งก่อนหน้านี้ ได้แก่ นายทหารคนสนิทของรองประธานาธิบดีฟิจิ ผู้บัญชาการกองพัน ผู้บัญชาการกองพลทหาร และผู้รับผิดชอบด้านการฝึกอบรม รางวัลเชิดชูเกียรติที่ พล.จ. โควูนิซากาได้รับ ได้แก่ เหรียญครบรอบ 50 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐฟิจิ เหรียญผลงานดีเด่น และเหรียญภารกิจรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ รวมถึงเหรียญกองกำลังและผู้สังเกตการณ์พหุชาติ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 42


พล. ท. ไซมอน สจ๊วต เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบกออสเตรเลียในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 พล.ท. สจ๊วตเข้าร่วมกองทัพใน พ.ศ. 2530 และเข้าประจำการในกองทัพน้อยทหารราบออสเตรเลียใน พ.ศ. 2533 พล.ท. สจ๊วตมีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำ ปฏิบัติการ การฝึกอบรม และการบริหารจัดการโครงการทั้งในออสเตรเลียและต่างประเทศ รางวัลเชิดชูเกียรติที่ พล.ท. สจ๊วตได้รับ ได้แก่ รางวัลเชิดชูเกียรติสำหรับบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นแห่งออสเตรเลีย พ.ศ. 2554 เหรียญกล้าหาญดีเด่น พ.ศ. 2557 และเลื่อนตำแหน่งสำหรับบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นแห่งออสเตรเลีย พ.ศ. 2563 นอกจากนี้ พล.ท. สจ๊วตยังได้รับการเชิดชูเกียรติจากประเทศหุ้นส่วน เช่น โคลอมเบีย สาธารณรัฐเช็ก อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ติมอร์-เลสเต อุรุกวัย และสหรัฐฯ อีกด้วย อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 46


Угрозы следующего поколения Том 49, выпуск 4, 2024 г.

พล. จ. อู ซอกแจ แห่งกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีและรองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการฝ่ายแผนผสม/ร่วมของกองบัญชาการกองกำลังผสม ในอดีต พล.จ. อูเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ และทีมบังคับบัญชาและควบคุม รวมทั้งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 121 ของเกาหลีใต้ นอกจากนี้ พล.จ. อูยังเคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ นักวางแผน หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการวิกฤต และผู้บังคับบัญชากองพันรักษาความปลอดภัยอีกด้วย พล.จ. อูสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการบริหารจัดการจากโรงเรียนนายร้อยเกาหลี ระดับปริญญาโทสาขาวิชารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกาหลี และได้สำเร็จหลักสูตรความเป็นผู้นำขั้นสูงจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล


พ.อ. จอง ฮีฮยอง แห่งกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีและหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์แผนผสม/ร่วมของกองบัญชาการกองกำลังผสม อดีตผู้บัญชาการกรมทหารที่ 26 ของศูนย์ฝึกอบรมกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี โดย พ.อ. จองเคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในกองบัญชาการกำลังพลของกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี และมีบทบาทในการบริหารนโยบายระดับโลก การร่วมมือด้านความมั่นคง รวมถึงนโยบายทางการทูตกลาโหมให้กับกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเกาหลี พ.อ. จองสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชอนนัม ระดับปริญญาโทสาขาการจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งกองทัพอากาศ และระดับปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยมยองจี


พ.อ. คิม ยองอิล แห่งกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีและหัวหน้าแผนกการฝึกซ้อมของกองบัญชาการกองกำลังผสม ตำแหน่งก่อนหน้านี้ของ พ.อ. คิม ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายนโยบายในสำนักงานผู้บัญชาการกองพลของกองบัญชาการกองกำลังผสม เสนาธิการเจ้าหน้าที่ของกองพลที่ 60 และผู้บังคับบัญชากองพลน้อยทหารราบ นอกจากนี้ พ.อ. คิมยังเป็นเจ้าหน้าที่วางแผนในกองบัญชาการกองกำลังผสม ผู้นำสถานการณ์ในศูนย์การจัดการวิกฤตแห่งชาติ ผู้บังคับกองพัน และเจ้าหน้าที่ในแผนกวางแผนยุทธศาสตร์ของเสนาธิการร่วม พ.อ. คิมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาการบริหารจัดการจากมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 32


นายโรเซาโร อังเฆโล โรดริเกซ
เป็นผู้บริหารระดับโลกด้านการความมั่นคง การสืบสวน และการบริหารจัดการความเสี่ยงในปฏิบัติการของฟิลิปปินส์ รวมทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบริษัทที่ปรึกษา พีเอดี1925 นาย
โรดริเกซสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยฟิลิปปินส์ และเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีการจำลองสำหรับกองทัพฟิลิปปินส์ นายโรดริเกซได้รับใบรับรองด้านภูมิรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากสถาบันการพัฒนาแห่งฟิลิปปินส์ และขณะนี้กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยบิโคลในฟิลิปปินส์ นายโรดริเกซเคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการให้บริการประชาชนที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมะนิลา และเป็นคณบดีแห่งวิทยาลัยอาชญาวิทยาที่มหาวิทยาลัยมานูเอล แอล. เกซอน ในฟิลิปปินส์ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 36


ดร. เชล โฮโรวิทซ์เป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-มิลวอกี ดร. โฮโรวิทซ์ได้ศึกษาวิจัยเรื่องความขัดแย้งในระดับนานาชาติและความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ โดยเน้นไปที่เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ การเมืองในด้านการค้าและการเงินระหว่างประเทศ และการเมืองในด้านการเปลี่ยนผ่านตลาดและการเปลี่ยนแปลงระดับสถาบันในประเทศต่าง ๆ และเอเชียตะวันออกหลังยุคคอมมิวนิสต์ ดร. โฮโรวิทซ์ได้ทำการวิจัยในจีน อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ยุโรปตะวันออก และอดีตสหภาพโซเวียต อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 50


ความเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืน ชุดที่ 49 ฉบับที่ 3 / 2567

พ.ท.อเล็กซานเดอร์ เอส. ปาร์กเป็นนักวิจัยที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง พ.ท. ปาร์กเริ่มต้นอาชีพทหารในกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อ พ.ศ. 2544 และเข้าร่วมกับกองกำลังรักษามาตุภูมิแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2548 ผ่านทางโครงการสมาชิกร่วมกันแห่งมหาวิทยาลัยรัฐเพนซิลเวเนีย ในฐานะนักยุทธศาสตร์ของกองทัพสำรองประจำการ พ.ท. ปาร์กเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการการฝึกอบรมเพื่อส่งกำลังพลไปต่างประเทศสำหรับกองทัพที่ 8 ที่ค่ายฮัมฟรีส์ ประเทศเกาหลีใต้ ตลอดจนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายงบประมาณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการวางแผน และผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พ.ท. ปาร์กสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรศิลปะเชิงยุทธศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่วิทยาลัยการสงครามกองทัพบกสหรัฐฯ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ นอกเหนือจากที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรัฐเพนซิลเวเนียและมหาวิทยาลัยเกาหลีในกรุงโซล
อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 8


ดร. กาเนชาญ วิกนาราชา เป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการค้าที่เกตเวย์เฮาส์ ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย และเป็นนักวิจัยอาคันตุกะอาวุโสที่สถาบันวิจัยโอดีไอในกรุงลอนดอน ดร. วิกนาราชาเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีศรีลังกา และเป็นสมาชิกคณะกรรมการนักเขียนแผนที่ภูมิรัฐศาสตร์ บทบาทระดับอาวุโสก่อนหน้านี้ ได้แก่ ผู้อำนวยการฝ่ายงานวิจัยที่สถาบันธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันวิจัยแห่งกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา นักวิชาการอาคันตุกะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และหัวหน้าฝ่ายการค้าและความสามารถในการแข่งขันระดับโลกที่แม็กซ์เวลล์ สแตมป์ พีแอลซี ดร.วิกนาราชาได้เป็นที่ปรึกษาให้กับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้เขียนเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาค การพัฒนาเศรษฐกิจ และเศรษฐศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ รวมถึงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 32


ร.อ.สตีเฟน ชโรเดอร์ เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศและผู้ประสานงานความร่วมมือสำหรับกองบัญชาการอวกาศสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ร.อ. ชโรเดอร์เป็นสมาชิกของทีมอวกาศบูรณาการร่วมแปซิฟิก ซึ่งประจำอยู่ที่กองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกในฮาวาย และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานของเขาประกอบด้วยการเข้าประจำการเป็นจำนวนสองครั้งในตะวันออกกลางในฐานะผู้บัญชาการเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ร.อ. ชโรเดอร์เข้าร่วมในการเจรจาข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลด้านการเฝ้าระวังทางอวกาศกับฟิลิปปินส์ และได้มอบความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโอกาสในอวกาศให้แก่ประเทศหุ้นส่วน รวมถึงสิงคโปร์และไทย นอกจากนี้ ร.อ. ชโรเดอร์ยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาภาษาอังกฤษจากสถาบันนาวิกโยธินสหรัฐฯ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 46


นายฟอล์ก เท็ตต์ไวเลอร์ เป็นนักวิจัยและนักวิเคราะห์ในฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์นโยบายแห่งศูนย์จอร์จ ซี. มาร์แชล งานวิจัยของนายเท็ตต์ไวเลอร์มุ่งเน้นไปที่การเล่าเรื่องเชิงยุทธศาสตร์และมิติการรับรู้ของการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ นายเท็ตต์ไวเลอร์ยังทำหน้าที่เป็นประธานร่วมของคณะทำงานความท้าทายด้านความมั่นคงที่เกิดขึ้นใหม่ของกลุ่มความร่วมมือเพื่อสันติภาพ ก่อนหน้านี้ นายเท็ตต์ไวเลอร์ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายแผนการและยุทธศาสตร์แห่งศูนย์มาร์แชล อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 58


การประกันความมั่นคง ชุดที่ 49 ฉบับที่ 2 / 2567

พ.ต. อาฟัว โอ. โบอาเฮมา-ลี เป็นนักวางแผนทางการแพทย์ร่วมของสำนักงานศัลยแพทย์ของศูนย์บัญชาการแห่งกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก พ.ต. โบอาเฮมา-ลีสมัครเข้ากองกำลังสำรองกองทัพบกสหรัฐฯ เมื่อ พ.ศ. 2547 ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร และได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยบริการทางการแพทย์ใน พ.ศ. 2552 พ.ต. โบอาเฮมา-ลีมีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในด้านการวางแผนและปฏิบัติการทางการแพทย์ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการสร้างทีม อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทางการแพทย์ และหัวหน้าสาขา พ.ต. โบอาเฮมา-ลีสำเร็จการศึกษาด้านการทหารที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงในฮาวาย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการศึกษาชีววิทยาและระดับปริญญาโทด้านการบริหารการดูแลสุขภาพจากมหาวิทยาลัยไทรเดนท์ รวมถึงระดับปริญญาโทด้านการป้องกันและการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์จากวิทยาลัยสงครามนาวีของสหรัฐฯ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 50


ดร. ดีออน แคนยอน ก คณบดีฝ่ายวิชาการและศาสตราจารย์จากศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการวิกฤต การรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ ภูมิภาคหมู่เกาะแปซิฟิก และการกระทำอันสุ่มเสี่ยงบนพื้นที่สีเทา โดยผลงานวิจัยข้ามสาขาของเขามุ่งเน้นด้านการทำความเข้าใจ การจัดการ การควบคุม ตลอดจนการป้องกันภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนและไม่หยุดนิ่งด้วยแนวทางที่เป็นนวัตกรรม ดร. แคนยอนมีผลงานตีพิมพ์มากกว่า 240 รายการในช่วง 29 ปีที่ผ่านมาในศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง รวมถึงมหาวิทยาลัย ต่าง ๆ ของสหรัฐฯ และออสเตรเลีย


ดร. เบนจามิน ไรอัน
เป็นศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขและโครงการริเริ่มระดับโลกที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ โทมัส เอฟ. ฟริสต์ จูเนียร์ แห่งมหาวิทยาลัยเบลมอนต์ในรัฐเทนเนสซี โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและความยืดหยุ่นของชุมชน ดร. ไรอันได้ให้ความช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ เช่น องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น และองค์การอนามัยโลกในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งได้ร่วมพัฒนาโครงการที่ช่วยให้ชุมชนกว่า 4,000 แห่งทั่วโลกเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติ ก่อนหน้านี้ ดร. ไรอันทำงานเป็นรองศาสตราจารย์ที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 56


การเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ชุดที่ 49 ฉบับที่ 1 / 2567

ดร. อัลเฟรด โอห์เลอร์ส เข้าร่วมกับศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงใน พ.ศ. 2550 ก่อนหน้านี้ ดร. โอห์เลอร์สทำงานเป็นรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ดร. โอห์เลอร์สสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์การเมืองจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมคควอรี ประเทศออสเตรเลีย ดร. โอห์เลอร์สมีความเชี่ยวชาญในด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองของการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยได้สอนและมีผลงานเขียนอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับประเด็นที่หลากหลาย ซึ่งมีหลายส่วนที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งภูมิภาคหมู่เกาะแปซิฟิก์ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 8


นายพรหม เชลลานีย์ เป็นทั้งนักภูมิยุทธศาสตร์ นักวิชาการ นักเขียน และนักวิจารณ์ นายเชลลานีย์เป็นศาสตราจารย์ด้านการศึกษายุทธศาสตร์ที่ศูนย์ศึกษาวิจัยนโยบายประจำกรุงนิวเดลี นักวิจัยทุนริชาร์ด ฟอน ไวซ์เซคเคอร์ ที่วิทยาลัยโรเบิร์ต บอช ในกรุงเบอร์ลิน และสมาชิกของศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาแนวคิดหัวรุนแรงที่วิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอน นายเชลลานีย์เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มที่ปรึกษานโยบาย ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเป็นผู้นำ ก่อนหน้านั้น นายเชลลานีย์เคยเป็นที่ปรึกษาให้แก่สภาความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย โดยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการประชุมกลุ่มความมั่นคงภายนอกของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 20


ดร. โจว จิงห่าว์ เป็นรองศาสตราจารย์ประจำคณะเอเชียศึกษาแห่งวิทยาลัยโฮบาร์ต แอนด์ วิลเลียม สมิธ ในนครนิวยอร์ก งานวิจัยของ ดร. โจว มุ่งเน้นเรื่องอุดมการณ์ การเมือง และศาสนาของจีน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ดร. โจว ได้ตีพิมพ์บทความในวารสารและบทความข่าวมากมาย และได้เขียนหนังสืออีกหกเล่ม ซึ่งหนังสือเล่มล่าสุด ได้แก่ “การแข่งขันเพื่อเป็นมหาอำนาจในฐานะวิถีใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ” ตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2566 อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 42


ดร. เจนนิเฟอร์ ดาบส์ สคูบบา เป็นผู้ช่วยอาวุโส (ไม่ใช่ผู้พำนักอาศัย) แห่งศูนย์เฮสสำหรับเขตแดนใหม่ที่สถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ และเป็นนักวิชาการระดับโลกที่ศูนย์วิลสัน ซึ่งทั้งสองแห่งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นอกจากงานเขียนบทความทางวิชาการเกี่ยวกับการเมืองของประชากรแล้ว ดร. สคูบบา ยังเป็นผู้เขียน “8 พันล้านและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ: เพศ ความตาย และการย้ายถิ่นฐานมีอิทธิพลต่อโลกของเราอย่างไร” และ “รูปแบบสงครามแห่งอนาคต: ความมั่นคงของประชากรและประเทศชาติ” ดร. สคูบบา ได้รับการฝึกอบรมที่สถาบันมักซ์พลังค์เพื่อการวิจัยประชากร และได้ทำงานให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาประชากรและสิ่งแวดล้อม อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 48


ดร. เจค วอลลิส ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้นำโครงการปฏิบัติการข้อมูลและการบิดเบือนข้อมูลร่วมกับศูนย์นโยบายไซเบอร์ระหว่างประเทศของสถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของออสเตรเลีย ซึ่ง ดร. วอลลิส ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคม และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อต่อต้านการบิดเบือนข้อมูลโดยผู้มีบทบาทในภาครัฐและที่ไม่ใช่รัฐ งานวิจัยในระดับปริญญาเอกของ ดร. วอลลิสศึกษาว่ากลุ่มที่มีแรงจูงใจทางการเมืองรวมตัวกันผ่านเครือข่ายออนไลน์ได้อย่างไร ดร. วอลลิสได้ศึกษาการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มหัวรุนแรงภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาของกองทัพบกออสเตรเลีย และมีส่วนร่วมในโครงการศูนย์กลางนวัตกรรมขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต การวิเคราะห์เกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูลและการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อครั้งใหญ่ของเขาที่มีส่วนเชื่อมโยงกับสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับการกล่าวถึงในสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลก อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 52


ความยืดหยุ่นระดับโลก ชุดที่ 48 ฉบับที่ 4 / 2566

ดร. มีมี วินน์ เบิร์ด พันโทที่เกษียณอายุราชการจากกองทัพบกสหรัฐฯ และปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์แห่งศูนย์การศึกษาด้านความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิกแดเนียล เค. อิโนะอุเอะ ในรัฐฮาวายมีความเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเมียนมาเศรษฐศาสตร์ของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก การพัฒนาองค์กร และการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ โดยมีผลงานที่มุ่งให้ความสนใจกับปฏิบัติการร่วมระหว่างพลเรือนและทหาร การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และมาตรฐานการรายงานทางการเงินเชิงธุรกิจ
ดร. เบิร์ดได้รับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์และการบัญชีจากวิทยาลัยแคลร์มงต์ เเมคเคนนา และปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาวาย เธอได้ปริญญาเอกในด้านความเป็นผู้นำการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 24


ดร. ชิเงโนริ มิชิมะ
เป็นรองกรรมาธิการและประธาน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีแห่งหน่วยงานดูแลด้านการควบรวมกิจการ เทคโนโลยีและโลจิสติกส์สำหรับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ดร. ชิเกโนริ ดูแลด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ความร่วมมือด้านยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศ และการยกระดับเทคโนโลยีขั้นสูงในกลุ่มรัฐบาล อุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา ก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นผู้อำนวยการยุทธศาสตร์ภาควิชาเทคโนโลยีและฝ่ายบริหารโครงการของหน่วยงานดูแลด้านการควบรวมกิจการ เทคโนโลยี และโลจิสติกส์ของญี่ปุ่น ดร. ชิเกโนริ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทสาขานาวาสถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยโตเกียว และปริญญาเอกสาขาอุทกพลศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ อ่านเนื้อหาได้ที่หน้า 40

Back to top button